only-site-How-to-plant-chili-in-pots

วิธีปลูกพริกในกระถาง ง่ายๆ ที่บ้านของคุณ

‘พริกขี้หนูสวน’ เป็นพืช-ผักสวนครับที่ทุกครัวเรือนต้องมีติดบ้านเอาไว้ เพื่อนำไปประกอบอาหาร พริกขี้หนูสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินเกือบทุกชนิด หากแต่ดินที่มีความเหมาะสมที่สุด ก็คือ ดินร่วนปนทรายมีการระบายน้ำได้ดี อีกทั้งยังมีความเป็นกรด-ด่าง ของดินอยู่ที่ 6.0 – 6.8 อีกทั้งยังปลูกได้ตลอดทั้งปี พริกขี้หนูสวนพันธ์นิยมปลูก มีมากมายหลายพันธุ์ เช่น พันธุ์ห้วยสีทน พริกพันธุ์หัวเรือ และ พริกพันธุ์สร้อย เป็นต้น

วิธีปลูกพริกขี้หนูสวนด้วยตัวเองอย่างง่ายๆ ขึ้นแน่แม้ไม่ได้เป็นเกษตรกร

พริกขี้หนูสวนปลูกได้ทั้งในไร่และสวนยกร่อง โดยการปลูกแบบไร่จะใช้น้ำฝน รวมทั้งให้น้ำเสริมในช่วงหน้าแล้งจากการวักจากบ่อน้ำ ด้วยวิธีนี้จะทำให้ได้ผลิตผลอย่างไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้จากการปลูกในสภาพสวน จะนิยมปลูกในบริเวณลุ่มและยกร่อง จึงทำให้มีน้ำหล่อเลี้ยงเกือบตลอดปี ทำให้ได้ผลผลิตในเวลาที่ต้องการ

How-to-plant-chili-in-pots-only-site

วิธีการเพาะเมล็ดเพื่อปลูก

เริ่มจากการนำเมล็ดมาใส่ในถุงผ้าและแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน ในน้ำควรใส่ยาป้องกันเชื้อราลงไปด้วย เมื่อผ่านไปแล้ว 1 คืน ให้นำพริกไปล้างผ่านน้ำไหลอย่างต่ำ 30 นาที เก็บถุงผ้าไว้ในที่ร่มหากแต่ต้องมีความชื้นอีกประมาณ 2-3 วัน ต่อมาเมื่อเมล็ดงอกออกเป็นตุ่มเห็นรากสีขาวเล็ก ต่อมาให้นำ ดิน, ปุ๋ยคอกเก่า, ขี้เถ้าแกลบ ผสมกันในอัตราส่วน 2:1:1 ช่วงนี้คุณจะต้องรดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง ช่วงเช้ากับช่วงบ่าย จนขึ้นใบจริง 3-4 ใบ แล้วค่อยย้ายลงแปลงปลูก หรือกระถาง แต่ถ้าไม่ต้องการเพาะให้เป็นต้นกล้า เมื่อคุณเห็นว่าเมล็ดเริ่มแตกตุ่มรากแล้ว ก็สามารถนำไปหว่านในแปลงหรือกระถางที่เตรียมไว้ได้เช่นกัน ช่วงปลูกที่ดีสุด คือ ช่วงเย็นมีแสงแดดอ่อนๆ เนื่องจากจะทำให้ต้นกล้าแข็งแรงในช่วงที่มีแสงแดด

เมื่อปลูกไปแล้ว 10-15 วัน ควรใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ประมาณ 1 ช้อนแกง ให้โรยห่างจากโคนต้นประมาณ 1 คืบ อย่าลืมกลบดินและรดน้ำตามด้วย อย่าลืมกำจัดวัชพืชให้แปลงเรียบร้อยอยู่เสมอ เมื่อพริกเริ่มโตสามารถใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 15 วัน/ 1 ครั้ง หรือถ้าไม่ต้องการใช้ปุ๋ยเคมี ก็สามารถใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักทดแทนได้ เช่นเดียวกัน ควรรดน้ำทุกวัน เพื่อทำให้ต้นพริกสามารถแตกกิ่งได้ดี, ต้นหนา, ลูกดก, ออกพริกสีสวย, น่ากิน การเก็บเกี่ยวผลผลิต จะเริ่มต้นหลังจากที่พริกเริ่มออกดอกหลังจากปลูก 60-70 วัน เก็บมากินได้เมื่อ 90-100 วัน

How-to-keep-seeds-only-site

วิธีเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืช ให้ยาวนานและมีประสิทธิภาพ

ในยามที่ประเทศต้องผจญกับเหตุการณ์อันไม่คาดฝันต่างๆ เช่น พายุถล่ม, น้ำท่วม, หน้าแล้ง รวมทั้งภัยพิบัติอันร้ายแรงที่ไม่อาจควบคุมได้ต่างๆ อีกมากมาย ปัญหาเหล่านี้ทำให้การเกษตรต่างๆ เสียหายไปอย่างย่อยยับ พืชที่กำลังเติบโต รอวันเก็บเกี่ยวก็ล้มหายตายจาก เมื่อภัยพิบัติจากไปก็ถึงคราวต้องฟื้นฟู พืชผลที่ลงทุนไปแล้วก็ต้องกลับลงทุนลงใหม่ซ้ำเข้าไปอีก ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงดิน การเตรียมอุปกรณ์ รวมทั้งการซื้อหาเมล็ดพืชมาเตรียมรอไว้ โดยเมล็ดพันธ์จัดเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญมาก จัดเป็นปัจจัยที่เกษตรกรจะต้องมีเก็บรักษาไว้อยู่ตลอดเวลา หากแต่การเก็บเมล็ดพันธ์นั้นก็มีหลักการที่ต้องพึงระวังเช่นเดียวกัน

only-site-How-to-keep-seeds

วิธีเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืช ให้มีอายุยาวนาน สามารถนำมาปลูกให้ได้ผลดี

เมล็ดพันธุ์ที่ดีจะเจริญเติบโตงอกงาม ได้ต้นกล้าแข็งแรง เมล็ดพืชจำเป็นต้องเก็บรักษาคุณภาพไว้ได้อย่างยาวนาน เพราะฉะนั้นต้องเก็บไว้ในสถานที่มีอุณหภูมิ มีความชื้นต่ำ จึงเหมาะแก่การคงสภาพของเมล็ดพันธุ์เอาไว้ได้นานขึ้น หากแต่ระยะเวลาของการเก็บรักษา ก็ขึ้นอยู่กับชนิดว่า สามารถมีอายุอยู่ได้ยาวนานเพียง เพราะพืชบางชนิดมีอายุสั้นมาก เพียงแค่ 2-3เดือน ก็หมดสภาพแล้ว โดยพืชบางชนิดมีอายุยาวนานถึง 2-3 ปี จวบไปจนถึง 15 ปี เลยทีเดียว

วิธีเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืชแบบเปิด วิธีนี้ไม่อาจควบคุมความชื้น รวมทั้งไม่อาจเก็บอุณหภูมิของบริเวณที่เก็บเมล็ดพันธุ์ได้ เมล็ดจึงมีความแปรผันไปตามสภาพอากาศ สำหรับวิธีนี้เรียกว่า ‘Hygroscopic’

วิธีเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืชแบบควบคุมความชื้น วิธีนี้ใช้เก็บในภาชนะปิดสนิทมิดชิด เช่น ถุงพลาสติกแบบมีซิปล็อค, กระป๋อง, ถุงกระดาษเคลือบอะลูมิเนียม เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ความชื้นในอากาศสามารถเข้าไปในเมล็ดได้

วิธีเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืชแบบเก็บเย็นและแห้ง เหมาะแก่การเก็บรักษาเมล็ดพืชนานาชนิด เช่น ผัก, ไม้ดอก, ธัญพืช ได้อย่างสูงสุด วีนี้จะรักษาความชื้นในเมล็ด 3-8 %และเก็บรักษาในอุณหภูมิ 1-5 องศา

วิธีเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืชแบบเย็นและชื้น เหมาะแก่การเก็บรักษา เมล็ดอายุสั้น ไม่ชอบความแห้ง เนื่องจากจะสูญเสียการงอกไป

วิธีเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืชแบบอบอุ่นและชื้น เหมาะกับการเก็บรักษา พืชที่ชอบความร้อน หลายชนิด เช่น มะม่วง, ลำไย, เงาะ, มังคุด, มะม่วง ซึ่งพืชเหล่านี้มักเป็นเมล็ดพืชอายุสั้น

การเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ตามเอกลักษณ์ของแต่ล่ะชนิด จะเป็นวิธีที่ช่วยรักษาคุณภาพไว้ให้นานขึ้น เพราะฉะนั้นการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์จึงทำให้เมล็ดที่มีอยู่มีคุณภาพดีขึ้นได้

coriander-news-site-only

เมล็ดพันธุ์พืชไร่ ผักชี วิธีปลูกที่ดีที่สุด

‘ผักชี’ เป็นผักที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยเป็นอย่างสูง เป็นพืชที่ชอบดินร่วนปนทราย แต่ถ้าคุณจะปลูกในพื้นที่ซึ่งเป็นดินเหนียว ก็ควรเตรียมดินที่สามารถระบายน้ำได้ดี พื้นที่ปลูกผักชีต้องพบกับฝนน้อย และต้องมีอากาศเย็น แนะนำช่วงปลูกเดือนกันยายน – ตุลาคม เนื่องจากในช่วงนี้ผักชีจะเจริญเติบโตได้ดี โดยวิธีปลูกผักชี สามารถปลูกได้ด้วยการเพาะเมล็ดพันธุ์ โดยปลูกได้ทั้งในกระถางและแปลงดิน

site-only-coriander-news

มาลองปลูกผักชีกันดีกว่า

  • สำหรับการปลูกผักชีลงในแปลงดิน คุณควรเตรียมดินด้วยการพรวนดินขึ้นมาพึ่งแดดไว้ประมาณ 5-7 วัน ตามด้วยพรวนดินซ้ำอีกครั้งเพื่อให้เพิ่มความร่วนซุยในดิน หลังจากนั้นนำมาผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยสดผสมลงในแปลงดิน
  • เมื่อคุณได้เมล็ดมาแล้ว ให้บดเมล็ดจนแตกออกเป็น 2 ส่วน เพราะเมล็ดผักชีมีเปลือกและแข็งหนา อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมทำให้นกชอบมากิน หลังจากนั้นจึงนำไปแช่น้ำประมาณ 1- 3 วัน วิธีแช่น้ำให้นำผ้ามาห่อไว้ แล้วหาของมากดทับให้จมน้ำ โดยการบดจะทำให้ผักชีง่ายมากขึ้น นอกจากนี้จะต้องใช้เมล็ดใหม่เพราะเมล็ดพันธุ์เก่าจะมีเชื้อรา
  • เมื่อแช่เมล็ดแล้ว ให้นำไปผึ่งลมจนเริ่มงอกก็ให้นำไปหว่าน
  • ก่อนนำเมล็ดพันธุ์ไปหว่าน แนะนำให้รดน้ำจนชุ่มแปลงดิน หลังจากนั้นจึงนำเมล็ดพันธุ์พันธ์ไปหว่าน ตามด้วยฟางข้าวบางๆ เพื่อปกป้องต้นอ่อนจากแสงแดดอันร้อนแรง พร้อมรักษาความชุ่มชื้นของดิน
  • สำหรับการปลูกแบบหว่าน หลังจากที่เมล็ดงอกแล้ว คุณควรแยกให้ต้นมีความห่างระหว่าง 10-20 เซนติเมตร ซึ่งเป็นระยะที่เหมาะสม จะทำให้ผักชีออกพุ่มสมบูรณ์ แต่ถ้าคุณใช้เมล็ดพันธุ์มาก แนะนำให้ถอนแยกจนเหลือระยะห่าง 5-10 เซนติเมตร
  • ผักชีต้องการน้ำมาก เพราะฉะนั้นคุณจึงควรรดน้ำวันละ 2 ครั้ง แต่อย่ารดมากเกินไป เนื่องจากผักชีไม่ชอบน้ำขัง จะทำให้เน่า ส่วนการกำจัดวัชพืชสามารถใช้มือถอนได้เลย
  • ควรใส่ปุ๋ยหมักหลังจากผักชีแตกใบแล้ว
  • รอเวลา 40-45 วัน จึงจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ ก่อนการเก็บเกี่ยวคุณควรรดน้ำให้ชุ่มแปลงดิน จะทำให้ถอนได้ง่ายขึ้นทำให้ต้นไม่ขาด สำหรับวิธีการเก็บเกี่ยวทำได้ด้วยการใช้มือจับตรงโคนรากแล้วค่อยๆ ถอนดึงขึ้นมา สะบัดดินออกเพียงเล็กน้อย แล้วน้ำไปล้างน้ำให้สะอาด พร้อมคัดใบ

สำหรับคนที่ปลูกแล้วได้ผลลัพธ์ออกมาสวยงาม ทำให้ผลผลิตออกมาดี นอกจากบริโภคในครัวเรือนแล้ว คุณอาจหาลู่ทางในการส่งผักชีขาย หรือสามารถส่งออกไปประเทศญี่ปุ่นแบบธุรกิจใหญ่ก็ได้

Chinese-cabbage-only-site

เมล็ดพันธุ์พืชไร่ ผักกาดขาว วิธีปลูกที่ดีที่สุด

ผักกาดขาว เป็นอีกหนึ่งผักที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย มีรสชาติหวานอ่อนโยน นำมาทำเมนูได้หลากหลาย อีกทั้งยังเป็นผักที่มีอยู่หลายชนิดเช่นเดียวกัน ผักกาดปลี, ผักกาดใหญ่, ผักกาดธรรมดา เป็นต้น โดยผักกาดขาวสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี หากแต่เจริญเติบโตได้ดีในช่วงฤดูหนาว ประมาณ 15 – 22 องศาเซลเซียส ช่วงตุลาคม-กุมภาพันธ์ เจริญเติบโตได้ดีในดินเกือบทุกชนิด หากแต่ชอบดินร่วนมากที่สุด และต้องมีการระบายน้ำได้ดี ด้วย และต้องการน้ำกับแสงแดดสม่ำเสมอ

only-site-Chinese-cabbage

มาปลูกผักกาดขาวกินกันเถอะ

ขั้นตอนเตรียมดิน
เริ่มจากขุดดินที่มีความลึกประมาณ 30 เซนติเมตร พลิกหน้าดินพึ่งแดดไว้ 7 วัน หลังจากนั้นสับดินให้ละเอียด ผสมปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 2 กิโลกรัม/ 1 ตารางเมตร ผสมดินให้เข้ากันสร้างแปลงที่มีความกว้าง 1 เมตร ยาว 4 เมตร รดน้ำให้ชุ่มชื้น พึ่งให้แห้ง 3 วัน
การปลูก
การปลูกผักกาดขาว ทำได้ 2 วิธี ได้แก่ เพาะกล้าแล้วย้ายปลูก เหมาะกับผักกาดขาวปลี ส่วนอีกวิธี คือ หว่านลงแปลง โดยใช้กับผักกาดขาวที่มีขนาดใหญ่

  • เพาะกล้า เริ่มจากหว่านเมล็ดพันธุ์ลงในแปลง โรยทับด้วยดินที่ผสมปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกมาแล้ว โรยให้เกิดความหนาประมาณ 1 เซนติเมตร คลุมด้วยฟางรดน้ำให้ชุ่ม หลังจากนั้นก็รดน้ำเช้าเย็นต่อมาเมื่อต้นกล้ามีอายุ 15-20 วัน ก็ย้ายลงไปปลูกในแปลงปลูก ซึ่งเตรียมดินดีมาแล้วให้มีระยะห่าง 30-35 เซนติเมตร เคล็ดลับ คือ ให้ย้ายกล้าตอนเย็น
  • หว่านลงแปลงปลูก นำเมล็ดหว่านลงในแปลง โรยทับด้วยปุ๋ยหมัก 1 เซนติเมตร ปกคุลมหน้าด้วยฟางหรือหญ้าแห้งรดน้ำจนชุ่ม หลังจากนั้นให้รดน้ำเช้าเย็น เมื่อมีอายุ 15-20 วัน ให้ถอนแล้วปลูกใหม่ให้แต่ละต้นมีระยะห่าง 30-35 เซนติเมตร
  • วิธีดูแล รดน้ำวันละ 2 ครั้ง และต้องได้รับแสงแดดตลอดวัน เพิ่มปุ๋ยหมักหลังการถอนแยกและใส่เพิ่มทุกๆ 10 วัน ไปจนเก็บเกี่ยว
  • วิธีป้องกันพร้อมกำจัดศัตรูพืช ถ้าพบหนอนหรือเพลี้ย ให้ใช้ใบสะเดา 1 กิโลกรัม, ข่าแก่ 1 กิโลกรัม, ตะไคร้หอม 1 กิโลกรัม นำมาสับตามด้วยตำให้ละเอียด แช่น้ำ 20 ลิตร ทิ้งไว้ 1 คืน กรองนำผ้าขาวบางน้ำยาผสมน้ำ 1 ต่อ 20 ฉีดพ่นในตอนเย็นทุกๆ 3 วัน นอกจากนี้ควรผสมสบู่เหลวเพียงเล็กน้อย หรือประมาณ 10 กรัมลงไปด้วย เพื่อช่วยให้น้ำยาที่เราผสมจับไปที่ใบ และป้องกันไม่ให้แมลง หนอนต่างๆ มาแทะไปของเรากิน เป็นสูตรกำจัดศัตรูพืชที่ไร้สารเคมีอันตราย ก่อนนำมารับประทานก็อย่าลืมล้างให้สะอาด
  • วิธีเก็บเกี่ยว สามารถนำมารับประทาน เมื่อผักมีอายุ 40-50 วัน