สตรอเบอร์รี่จัดเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากของคนไทย แม้ว่าอาจไม่ใช่ผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากเมืองไทยแท้ๆ เนื่องจากว่าสตรอเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่ชื่นชอบอากาศหนาว แต่คนไทยเราก็สามารถพัฒนาสายพันธ์รวมถึงพัฒนาเทคนิคการปลูกต่างๆ จนสามารถปลูกสตรอเบอร์รี่ในเมืองไทยได้สำเร็จ ซึ่งจริงๆ แล้วสตรอเบอร์รี่เป็นไม้ดอกในวงศ์กุหลาบแต่สามารถทานลูกได้ แต่ก่อนนั้นจะปลูกเพื่อคลุมดินให้กับต้นไม้เลี้ยงอื่นๆ ด้วยรสชาติของสตรอเบอร์รี่ทำให้เป็นที่ติดอกติดใจแทบทุกคนในการได้ทานแบบนี้
การเตรียมดิน
เราสามารถปลูกสตรอเบอร์รี่ได้แบบแปลงปลูกหรือในกระถางแต่สิ่งสำคัญคือสตรอเบอร์รี่เป็นพืชที่ชอบดินมีอินทรียวัตถุปนสูง ต้องมีระบบการระบายน้ำที่ดี เมื่อเป็นเช่นนี้ในส่วนของการเตรียมดินจำเป็นต้องเพิ่มอินทรียวัตถุเข้าไปจากเดิมอีกด้วย เช่น ขุยมะพร้าว, ปุ๋ยคอก, ปุ๋ยหมัก, แกลบ โดยเอาสิ่งเหล่านี้ผสมลงไปในดินทำการคลุกจนเข้าเป็นเนื้อเดียวกันจากนั้นก็ทำหน้าดินให้เหมาะสม แต่ก่อนทำการปลูกอย่าลืมคลุมทับด้วยวัสดุคลุมแปลง โดยวัสดุที่นิยมนำมาใช้ เช่น ใบตองตึง, ฟาง, เศษผ้าพลาสติก แต่เน้นการใช้งานจากธรรมชาติจะดีกว่า
วิธีการปลูก
การขยายพันธุ์ของสตรอเบอร์รี่มีด้วยกันหลายรูปแบบ ประกอบไปด้วย
- การใช้ต้นไหล – เป็นวิธีดั้งเดิมในการขยายพันธุ์ ต้นที่เกิดจากการชำไหลก็จะให้ไหลที่ดี ต้นแม่ต้นเดียวสามารถผลิตไหลได้ 1,000 ต้น แต่ปกติจะมี 25-50 ไหล/ต้น และจะออกชุกในช่วงหน้าฝน
- การแยกต้น – ใช้แบ่งส่วนลำต้นที่มีรากเพื่อการขยายพันธุ์ เหมาะกับต้นพันธุ์ที่ไม่ออกไหล
- การเพาะเมล็ด – ปกติเมล็ดสตรอเบอร์รี่ก็ถือว่างอกได้ระดับหนึ่ง แต่มักนิยมในใช้การพัฒนาสายพันธุ์สตรอเบอร์รี่มากกว่าจะนำมาปลูก
- การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ – นำเยื่อสตรอเบอร์รี่ที่ไม่เจริญไปเพาะเลี้ยงในห้องทดลอง
ส่วนการปลูกอย่างที่กล่าวไปว่าจะปลูกแบบใส่กระถาง ลงแปลงดินก็ได้ แต่ที่นิยมก็จะเป็นการปลูกลงแปลงที่เตรียมดินไว้เรียบร้อยหมด
การดูแล
หลังปลูกได้ราว 20-30 วัน ก็สามารถให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-8 ละลายน้ำอัตรา 1 กก./น้ำ 1,000 ลิตร ละลายน้ำแล้วเปิดไปในระดับให้น้ำ 5-7 วัน หรือบางคนอาจใช้ปุ๋ยไฮโดรโพนิคแทนก็ได้ ไม่แนะนำให้ใช้สารเคมีกับการปลูกเพราะเป็นผลไม้ทานสดอาจเกิดอันตรายได้กับคนที่ทาน นอกจากนั้นก็หมั่นเอาใจใส่เยอะๆ ไม่มีอะไรที่น่าเป็นกังวล